นายสมใจ วิเศษทักษิณ ผู้ตรวจราชการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธานพิธีเปิดการอบรมเชิงปฏิบัติการหลักสูตรพัฒนาศักยภาพครูโรงเรียนเครือข่ายวิทยาศาสตร์พลังสิบ ระดับประถมศึกษา ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ภาคเรียนที่ 1 ในวันที่ 2 เมษายน 2568 ณ ห้องประชุมตะเพียนทอง สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครพนม เขต 2 อำเภอศรีสงคราม จังหวัดนครพนม
โดยการจัดอบรมดังกล่าวมีวัตถุประสงค์ เพื่อพัฒนาการเรียนการสอนนักเรียนทุกพื้นที่ของประเทศไทยให้มีสมรรถนะทางด้านวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และเทคโนโลยี ผ่านกระบวนการพัฒนาหลักสูตร การพัฒนาครู การสนับสนุนทรัพยากร และการพัฒนาคุณภาพวิชาการ ในระยะเวลา 10 ปี ตั้งแต่ปีการศึกษา 2546-2573 โดยเริ่มขับเคลื่อนด้วยการรับสมัครและคัดเลือกโรงเรียนศูนย์ต้นแบบ ในปีการศึกษา 2564 จำนวน 200 โรงเรียน โดยแบ่งเป็นระดับประถมศึกษา และระดับมัธยมศึกษา ระดับละ 100 โรงเรียน เพื่อให้บริการทางวิชาการแก่โรงเรียนเครือข่ายต่อไป ศูนย์ต้นแบบละ 10 โรงเรียนเครือข่าย นั้นการอบรมเชิงปฏิบัติการในครั้งนี้ จึงเป็นการอบรมขยายผลให้แก่โรงเรียนเครือข่ายตามกระบวนการของโครงการวิทยาศาสตร์พลังสิบ โดยมีวัตถุประสงค์ที่สำคัญ ดังนี้ 1. เพื่อให้ครูและบุคลากรในโรงเรียนที่เข้าร่วมโครงการเกิดความรู้ ความเข้าใจมีความพร้อมและสามารถจัดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และเทคโนโลยี ตามแนวทางโครงการวิทยาศาสตร์พลังสิบได้อย่างมีประสิทธิภาพ 2. ครูและบุคลากรในโรงเรียนที่เข้าร่วมโครงการได้รับการพัฒนาศักยภาพทางด้านความรู้ ทักษะ และประสบการณ์อย่างต่อเนื่อง เพื่อเตรียมความพร้อมในการจัดการ
นายสมใจ วิเศษทักษิณ ผู้ตรวจราชการกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวว่า หลักสูตรพัฒนาศักยภาพครูโรงเรียนเครือข่ายวิทยาศาสตร์พลังสิบ ระดับประถมศึกษา มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อ เสริมสร้างทักษะและความรู้ด้านการสอนวิทยาศาสตร์ ให้กับครูในระดับประถมศึกษา โดยเน้นการเรียนรู้ที่กระตุ้นความคิดวิเคราะห์ และ สร้างประสบการณ์การเรียนรู้ที่สนุกสนานและมีประสิทธิภาพ สำหรับนักเรียน พัฒนาความรู้และทักษะด้านการสอนวิทยาศาสตร์ให้ครูมีความเข้าใจแนวคิดทางวิทยาศาสตร์อย่างลึกซึ้ง ส่งเสริมการใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ (Scientific Method) ในการสอนส่งเสริมการจัดการเรียนรู้แบบ Active Learning นำเทคนิคการสอนที่เน้นการลงมือปฏิบัติ (Hands-on) และการเรียนรู้ผ่านการทดลองมาใช้ กระตุ้นให้นักเรียนมีส่วนร่วมในการเรียนรู้ผ่านกิจกรรมที่น่าสนใจ พัฒนาศักยภาพในการออกแบบกิจกรรมการเรียนการสอน ให้ครูสามารถออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้ที่สอดคล้องกับหลักสูตรและบริบทของนักเรียนส่งเสริมการใช้สื่อการเรียนรู้ที่สร้างสรรค์และเทคโนโลยีเพื่อการสอนสร้างเครือข่ายความร่วมมือระหว่างครูในโรงเรียนเครือข่ายให้ครูสามารถแลกเปลี่ยนแนวคิดและประสบการณ์การสอนกับเพื่อนครูจากโรงเรียนต่างๆส่งเสริมการพัฒนาสื่อการสอนและนวัตกรรมการเรียนรู้ร่วมกัน กระตุ้นให้นักเรียนมีเจตคติที่ดีต่อวิทยาศาสตร์ใช้กระบวนการเรียนรู้ที่ช่วยให้นักเรียนสนุกและเข้าใจเนื้อหาได้ง่ายขึ้น ปลูกฝังความคิดเชิงวิทยาศาสตร์และส่งเสริมการแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบ หลักสูตรพัฒนาศักยภาพครูโรงเรียนเครือข่ายวิทยาศาสตร์พลังสิบ ระดับประถมศึกษา มีผลโดยตรงต่อการพัฒนาศักยภาพของผู้เรียน ผ่านการปรับปรุงการเรียนการสอนของครู โดยแนวทางหลักในการพัฒนาผู้เรียน ปลูกฝังทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ได้เรียนรู้ผ่าน การสังเกต ทดลอง และตั้งคำถาม ฝึกการคิดวิเคราะห์ เชิงเหตุผลและตรรกะส่งเสริมการ ตั้งสมมติฐานและตรวจสอบข้อเท็จจริง ส่งเสริมการเรียนรู้แบบ Active Learning ใช้กิจกรรมที่ให้นักเรียนได้ ลงมือปฏิบัติจริง (Hands-on Activities) กระตุ้นให้เกิด การเรียนรู้ผ่านโครงงาน (Project-based Learning) ใช้ เกมและเทคโนโลยี ในการเรียนรู้ เพื่อเพิ่มความสนุกและความเข้าใจ พัฒนาทักษะการแก้ปัญหา (Problem-solving Skills) ให้นักเรียนฝึกแก้ปัญหาผ่านสถานการณ์จริง (Real-world Problems) สนับสนุนให้คิดหาวิธีแก้ไขปัญหาอย่างสร้างสรรค์ ฝึกการทำงานร่วมกับผู้อื่นในการแก้ปัญหา สร้างแรงบันดาลใจและเจตคติที่ดีต่อวิทยาศาสตร์ทำให้วิทยาศาสตร์เป็นเรื่องที่สนุกและใกล้ตัว ส่งเสริมให้เด็ก กล้าคิด กล้าถาม กล้าลองผิดลองถูกเชื่อมโยงความรู้วิทยาศาสตร์กับชีวิตประจำวันของนักเรียน พัฒนาทักษะการสื่อสารและการทำงานเป็นทีมให้นักเรียนได้ นำเสนอความคิด ผ่านกิจกรรมกลุ่มฝึกการ แลกเปลี่ยนความคิดเห็นและอภิปราย อย่างมีเหตุผล สร้างบรรยากาศการเรียนรู้ที่ส่งเสริมความร่วมมือ ส่งเสริมทักษะด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมสนับสนุนให้นักเรียนใช้ เครื่องมือดิจิทัลและเทคโนโลยีสารสนเทศ ในการเรียนรู้ฝึกการใช้แอปพลิเคชันและโปรแกรมที่เกี่ยวข้องกับวิทยาศาสตร์ และส่งเสริมการคิดเชิงนวัตกรรมและการสร้างสรรค์สิ่งใหม่
โดยกลุ่มเป้าหมายประกอบด้วย ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา จากสถานศึกษาในจังหวัดสกลนคร จังหวัดนครพนม และจังหวัดมุกดาหาร จังหวัดละ 10 แห่ง เข้าร่วมการอบรในครั้งนี้
รายงานโดย งานประชาสัมพันธ์ สำนักงานศึกษาธิการภาค 11